การตรวจสอบถังเก็บสารเคมี ต้องใช้วิธีไหน?

โดยปกติแล้ว การตรวจสอบถังน้ำมัน ถังเก็บสารเคมี หรือถังเก็บสารเชื้อเพลิงต่าง ๆ (Storage Tank) นั้น จะมีการทำทุก ๆ 10 ปีเพื่อให้มั่นใจว่าถังน้ำมันเหล่านี้ยังอยู่ในสภาพที่ดี ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ การรั่วไหลของน้ำมัน หรือสารเคมีใด ๆ ก็ตามที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในวิธีการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่สามารภทำได้ในฐานะผู้ประกอบการ

วิธีการตรวจสอบถังเก็บสารเคมี

วิธีการตรวจสอบถังเก็บสารเคมีนั้น เป็นวิธีที่ทาง NTD Thai ยึดตามหลักมาตรฐาน API 653 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล ช่วยรับรองเรื่องของการบำรุงรักษาและซ่อมแซมถังเก็บน้ำมันและสารเคมีที่ผลิตจากเหล็กกล้าว่ามีความปลอดภัย สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • การตรวจสอบภายนอก ประกอบด้วย
  • ตรวจสอบการยุบตัวของถัง (Settlement)
  • ตรวจสอบความเอียงของตัวถึง (Plumbness)
  • ตรวจสอบความหนาของอัลตราโซนิคที่บริเวณหลังคาของถัง (UTM)
  • ตรวจสอบสภาพพื้นถังเก็บน้ำมัน (Ground Check)
  • ตรวจสอบโดยวิธีพินิจ (Visual Inspection)
  • การตรวจสอบภายใน ประกอบด้วย
  • ทดสอบการกัดกร่อนของพื้นถังน้ำมันด้วยเทคนิคตรวจจับสนามแม่เหล็กรั่วไหล (Magnetic flux leakage Tank : MFL)
  • ตรวจสอบแนวเชื่อมด้วยกล่องสุญญากาศ (Vacuum Box Testing)
  • ตรวจสอบวัดความหนาของถัง (Ultrasonic Thickness Measure)
  • ตรวจสอบการโก่งตัวของรอยเชื่อมแนวตั้งและการบิดไม่สม่ำเสมอของแนวรอบวง (Peaking and Banding)
  • ตรวจสอบโดยอนุภาคแม่เหล็ก (Magnetic Particle Testing)
  • การตรวจสอบระบบระบายอากาศและการควบคุมแรงดัน

เป็นการตรวจสอบระบบระบายอากาศภายในถังเก็บสารเคมี และความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ควบคุมแรงดันเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการสะสมของแรงดันที่อาจทำให้เกิดอันตรายได้

  • การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์เสริม

ตรวจสอบวาล์ว ท่อส่งน้ำมัน และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อบำรุงรักษาและยืดอายุการใช้งานให้นานและมีประสิทธิภาพขึ้น

ควรตรวจสอบถังเก็บสารเคมีบ่อยแค่ไหน?

ตามประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง มาตรการความปลอดภัยเกี่ยวกับการจัดการสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม นั้น ได้ระบุเกี่ยวกับความถี่ในการตรวจถังเก็บสารเคมีไว้ว่า

“ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องจัดให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติตามหมวก 1 ถึงหมวด 5 ของประกาศ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง”

โดยในเรื่องของการตรวจสอบนั้น ประกาศของกระทรวงฯ ก็ได้ระบุไว้อีกว่า

“ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องจัดให้มีการตรวจสอบ ทดสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลของสารเคมีอันตรายตามระยะเวลาที่กำหนดหรือเป็นไปตามแผนการบำรุงรักษาหรือตามคำแนะนำของผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องจักรหรือหลักวิชาการ หรือมาตรฐานสากล”

เอกสารรายงานผลการตรวจสอบถังเก็บสารเคมี

ในประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ได้ระบุไว้ว่า

“ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องจัดให้มีการตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องจัก … โดยบันทึกผลการตรวจสอบ ทดสอบ และบำรุงรักษาให้เก็บรักษาไว้ที่โรงงานพร้อมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้”

โดยบันทึกที่มีนั้น ทางประกาศฯ ได้ระบุว่าควรเป็รเอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet : SDS) ที่เป็นภาษาไทย โดยที่คนงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าถึงข้อมูลได้ และสื่อสารข้อมูลส่วนที่สำคัญของสารเคมีให้คนงานที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Safety Data Sheet : SDS) นั้น ต้องมีรายละเอียดตามระแบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของสารเคมีตามมาตรฐาน Globally Harmonized System of Classification and Labelling of Chemicals (GHS)

สรุป

การตรวจสอบถังเก็บสารเคมี เป็นกระบวนการที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 1 ปีต่อครั้ง โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ได้รับการรับรองฝีมือจากมาตรฐานสากล และเป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดของทางกระทรวงพลังงาน ซึ่งบริษัท NDT Thai นั้นก็เป็นบริษัทรับตรวจสภาพแก๊ส LPG ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบโดยไม่ทำลาย ทั้งยังดำเนินงานโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าระดับองค์กรใหญ่ทั่วประเทศ